เช้าวันที่สามของการเดินทางมาที่มาเลเซีย วันนี้ผมตื่นเช้ามากกว่า วันอื่นๆ เพราะมีแผนการเดินทางไปยังถ้ำบาตู เพื่อไปไหว้พระ ขอพร เนื่องจากที่ศึกษาข้อมูลมามีชาวพราหมณ์ ฮินดู เป็นจำนวนมากเดินทางมาที่นี่ เพื่อสักการะ กราบไว้ และขอพร รวมถึงทำพิธีศักสิทธิ์ ที่นี่
ผมเดินทางออกจากโรงแรม แล้วขึ้นรถไฟฟ้า มาที่สถานี KL Sentral เพื่อต่อรถไฟฟ้า ที่เป็นส่วนของรถไฟสายเก่านำมาปรับปรุงเป็นรถไฟฟ้า ซึ่งจะวิ่งออกไปทางชาญเมือง เท่าที่สังเกต จะมีสายเป็นทิศๆ เช่น สายเหนือ สายตะวันออก etc การเดินทางจะไม่ใช้ KL Rapid เหมือนรถไฟฟ้าสายอื่น แต่จะต้องซื้อตั๋วต่างหาก เพื่อใช้กับรถไฟระบบนี้เท่านั้น
ทางเดินมาที่ชานชลา จะอยู่ใต้ดินของสถานี KL Sentral เดินลงบันไดเลื่อนไป อาจจะด้วยว่าเป็นเวลาเช้า และยังอยู่ในช่วงเวลาของเทศกาลฮารีลายอ ซึ่งเป็นวันหยุดยาว 5 วันของมาเลเซีย ทำให้บรรยากาศ บริเวณชานชลา ไม่ค่อยมีผู้คนเท่าไหร่นัก นับดูชานชลาที่แสนยาว น่าจะมีคนขึ้นไม่ถึง 30 คนด้วยซ้ำ
สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของระบบรถไฟสายนี้คือ จะมีการจัดลำดับการนั่ง ถ้าผู้ชายจะให้นั่งข้างหน้า ส่วนผู้หญิง กับเด็กจะให้นั่งตรงกลางขบวน จะมีป้ายสัญลักษณ์บอกเอาไว้ แต่ผมก็ไม่เห็นคนจะทำตามกันเท่าไหร่ อาจจะเป็นความเชื่อมาตั้งแต่สมัยเก่าก่อน
หลังจากเข้าไปนั่งในขบวนรถซักพัก รถไฟฟ้า ก็เริ่มออกเดินทาง ผ่านสถานีรถไฟหลักสมัยก่อน ซึ่งเป็นสถานที่ที่สวยมาก ถ้ามีเวลาก็ควรจะแวะเก็บรูปที่นี่กันซักหน่อย .. รถไฟวิ่ง ออกเดินทางไปเรื่อยๆ แวะจอดพักรับคนจากสถานีต่างๆ เหมือนกับรถไฟฟ้าทั่วๆ ไป จนเดินทางมาถึงสถานีปลายทางถ้ำบาตู
เดินออกมาจากสถานีก็ต้องตะลึง เพราะเจอ รูปปั้นหนุมานยักษ์(แต่งงว่าทำไมเป็นสีเขียว จำได้ว่าของไทยเป็นสีขาว) ตั้งตระหง่านอยู่ เป็นรูปท่ายืนแหวกอก ถ้าเดินเข้าไปใกล้ๆ จะเห็นเป็นรูปปั้นพระราม กับ นางสีดา อยู่ตรงกลางอกอยู่ ทำให้ผมนึกถึง ละครรามเกียรติ์ ตอนเด็ก ที่หนุมานพูดว่า “ใจของหนุมาน มีแต่พระราม และนางสีดา เท่านั้น”
เดินเข้าไปอีกหน่อยจะเห็นบันไดทางเดินขึ้นถ้ำ ที่บริเวณทางขึ้น จะมีวิหาร และร้านดอกไม้อยู่ มีชาวฮินดูจำนวนมาก นิยมซื้อดอกไม้เข้าไปบูชา
ด้วยความที่ เห็นทางเดินขึ้นไปบนถ้ำอันสูงลิ่ว ประกอบกับไม่ได้ กินข้าวเช้ามาตอนก่อนออกเดินทาง เลยตัดสินใจเข้าไปกินอาหาร ที่ร้านแขก ที่อยู่บริเวณนั้นมีอยู่ 2-3 ร้าน บรรยากาศ และรสชาติ อาหาร เป็นแบบแขกจริงๆ เข้าไปนั่งกิน แล้วนึกถึงร้านอาหารที่เคยกินที่ดาร์จีลิง
หลังจากกินเสร็จ ก็เดินขึ้นบันได เพื่อจะเข้าไปในถ้ำบาตู ระหว่างทาง เจอลิง และ เหล่าผู้มีจิตศรัทธา แวะพักระหว่างทางขึ้น กันเป็นพักๆ ระดับความสูง และจำนวนขั้นบันได น่าจะพอกับ ดอยสุเทพ ที่จังหวัดเชียงใหม่ของบ้านเรา
ด้านในของถ้ำบาตู จะมีวิหารเพื่อประกอบพิธีกรรม และมีพราหมณ์ ประจำ อยู่เพื่อทำพิธีให้กับผู้ที่ศรัทธา รวมถึงมีรูปปั้นเทพเจ้าต่างๆ ให้กราบไว้บูชา คนที่มาส่วนมากจะเป็นแขกฮินดู แต่ก็มีฝรั่ง และญี่ปุ่น ปนเข้าไป เจิมกับเค้าแบบ งงๆ เหมือนกัน แต่ก็อย่างที่ว่า ศาสนา เป็นเรื่องของความเชื่อ และเราต้องลองเอง เชื่อเอง นับถือเอง ถ้าสบายใจ ผมก็ว่า OK แล้วในความคิดผม
..หลังจาก ไหว้ เดินดูรอบๆ และไหว้เทพเจ้าครบทุกองค์ แล้ว ผมก็แวะมายังจุดที่ผมตั้งใจเอาไว้ ว่าจะมาไหว้ รูปปั้นพระพิฆเนตร เพื่อขอพร ตามธรรมดาของคนที่ประกอบกิจการส่วนตัว ก็แอบใส่เงินบริจาคช่วยทางวัดเค้าไปด้วยอีกหน่อยเหมือนกัน หลังจากขอพรเสร็จแล้ว สาธุ